หากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มความเนียนเรียบให้ผนังบ้านหรืออาคาร งานฉาบบาง หรือสกิมโค้ท Skimcoat คือหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนผนังธรรมดาให้ดูสวยเนียน พร้อมรองรับการทาสีในขั้นตอนต่อไป
ในบทความนี้ ProSumer จะพาคุณไปรู้จักกับการฉาบสกิมโค้ทอย่างละเอียด พร้อมเผยเคล็ดลับเลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมอย่าง LANKO Skimcoat ที่ตอบโจทย์ทั้งงานภายในและภายนอกได้อย่างลงตัว รวมถึงแนะนำวิธีดูแลรักษาผนังหลังการฉาบให้สวยเนียนยาวนาน พร้อมปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อปูนสกิมโค้ทอย่างคุ้มค่าที่สุด
สกิมโค้ท Skimcoat คืออะไร และการฉาบบางคืออะไร?

สกิมโค้ท (Skimcoat) หรือที่รู้จักกันว่า “การฉาบบาง” คือเทคนิคตกแต่งผิวผนังด้วยการฉาบปูนบาง ๆ ทับลงบนผนังที่ฉาบเสร็จแล้ว โดยทั่วไปจะทำหลังจากฉาบปูนมาแล้ว 5-7 วัน และควรทำบนผนังที่แห้งสนิท ไม่เปียกชื้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การสกิมโค้ท ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในงานตกแต่งผนังที่มีประวัติการใช้งานมาอย่างยาวนานทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในงานก่อสร้างที่ต้องการผิวผนังเรียบเนียนไร้ที่ติ เช่น คอนโดมิเนียม โรงแรม หรือบ้านพักอาศัยสไตล์โมเดิร์น
ทำไมต้องสกิมโค้ท? เผยประโยชน์ของการฉาบบาง
การเลือกใช้ปูนสกิมโค้ทในงานผนังมีประโยชน์มากมาย ที่ช่วยให้งานตกแต่งของคุณออกมาสมบูรณ์แบบ:
- เพิ่มความเรียบเนียน: ทำให้พื้นผิวพร้อมสำหรับการทาสี หรือติดวอลเปเปอร์ได้อย่างสวยงามและเนียนตา
- ซ่อนร่องรอย: ปกปิดรอยแตกร้าวเล็ก ๆ รอยต่อ ปูนฉาบไม่เรียบ หรือรูพรุนบนผนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ยืดอายุสีทาผนัง: ผนังที่เรียบเนียนจะช่วยให้สีติดทนนาน ไม่หลุดลอกง่าย ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาว
- เพิ่มมูลค่าทางสถาปัตยกรรม: การสกิมโค้ทยังมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านหรืออาคาร เพราะเมื่อผนังดูเรียบเนียน งานตกแต่งภายในก็จะดูหรูหราและมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เหมาะกับผู้ที่วางแผนขายบ้านในอนาคต
ผนังที่ไม่ได้ฉาบสกิมโค้ท Skimcoat ถึงแม้จะสามารถใช้กระดาษทรายขัดเม็ดทรายออกก่อนทาสีเพื่อช่วยให้ผนังดูเรียบเนียนขึ้นก่อนทาสี แต่ก็ยังไม่เนียนละเอียดสวยงามเหมือนกับการฉาบแต่งด้วยปูนสกิมโค้ท

ปูนฉาบบาง ใช้งานต่างจาก ปูนฉาบทั่วไป อย่างไร?
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ลองมาดูความแตกต่างระหว่าง ปูนฉาบบาง (สกิมโค้ท) และปูนฉาบทั่วไปในตารางเปรียบเทียบนี้:
เปรียบเทียบ | ปูนฉาบทั่วไป | ปูนสกิมโค้ท (ฉาบบาง) |
---|---|---|
ความหนาในการฉาบ | 1-2 ซม. | 1-3 มม. |
เนื้อวัสดุ | หยาบ | เนียนละเอียด |
จุดประสงค์ | โครงสร้างพื้นฐาน | ตกแต่งผิวขั้นสุดท้าย |
ความเรียบเนียน | ปานกลาง | สูงมาก |
สีของปูนสกิมโค้ทและการเลือกใช้งาน
ปูนสกิมโค้ท โดยทั่วไปมี 2 สีหลัก ซึ่งเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน:
- สีขาว:
- เหมาะสำหรับการทาสีโทนสว่าง เช่น สีครีม สีพาสเทล สีเทาอ่อน
- ไม่ทำให้สีเพี้ยนเมื่อทาสีชั้นบน ทำให้ได้สีตามต้องการ
- สีเทา:
- ใช้กับงานที่ต้องการโทนเข้ม หรือในขั้นตอนที่ยังไม่ทาสี
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดงบประมาณ เนื่องจากอาจมีราคาถูกกว่าสีขาว
ขั้นตอนการฉาบสกิมโค้ทอย่างมืออาชีพ
เพื่อให้ได้ผนังที่เรียบเนียนสวยงามและทนทาน การฉาบสกิมโค้ทต้องทำตามขั้นตอนอย่างถูกวิธี

- เตรียมพื้นผิว: พื้นผิวต้องสะอาด ไม่มีคราบน้ำมัน ฝุ่นผง หรือสิ่งปนเปื้อนใดๆ
- ผสมน้ำตามสัดส่วน: ผสมปูนสกิมโค้ทกับน้ำตามอัตราส่วนที่ระบุในเอกสารข้อมูลทางเทคนิค (TDS) ของวัสดุที่เลือกใช้ หากใช้ LANKO 110 Skimcoat ต้องผสมน้ำอัตราส่วน 1 ถุง (20กก.) ต่อน้ำ 7.0 – 7.5 ลิตร
- ฉาบรอบแรก: ฉาบปูนสกิมโค้ทบาง ๆ เพื่อปิดรูพรุน รอยต่อ หรือรอยแตกร้าวเล็ก ๆ หลังจากนั้น ปล่อยให้แห้งประมาณ 30-60 นาที
- ฉาบรอบสอง: เพื่อความเนียนยิ่งขึ้น และให้พื้นผิวเรียบเท่ากัน
- ใช้กระดาษทรายขัดผิวผนังให้เรียบ: หลังจากปล่อยให้ผนังแห้งสนิทอย่างน้อย 24 ชั่วโมงแล้ว ให้ใช้กระดาษทรายขัดผิวผนังอีกครั้ง เพื่อช่วยเพิ่มความเรียบเนียนของพื้นผิวให้สวยงามยิ่งขึ้น
- ทิ้งให้แห้ง: ทิ้งให้ผนังแห้งสนิทอย่างน้อย 3-7 วัน ก่อนทำการทาสี หรือตกแต่งด้วยวัสดุปิดทับ
เทคนิคแก้ไขปัญหาฉาบสกิมโค้ทไม่เรียบ ไม่เนียน
แม้จะใช้ปูนสกิมโค้ทคุณภาพดีแล้วก็ตาม หากขั้นตอนการฉาบผิดวิธีหรือขาดประสบการณ์ ก็อาจเกิดปัญหาผิวไม่เรียบเนียนได้ ดังนั้น เราขอแนะนำเทคนิคแก้ไขดังนี้
ปัญหาผิวเป็นคลื่น
- สาเหตุ:
- ฉาบหนาเกินไปในบางจุด
- เกรียงฉาบไม่ได้ระดับ หรือมือไม่นิ่งขณะฉาบ
- วิธีแก้:
- ใช้เกรียงยาวหรือเกรียงฉาบปูนแบบพิเศษช่วยเกลี่ยให้เรียบเสมอกัน
- หากแห้งแล้ว ให้ขัดผิวด้วยกระดาษทรายหยาบเบอร์ 80-100 แล้วจึงฉาบบางซ้ำอีกครั้ง
ปัญหาผิวแตกร้าว
- สาเหตุ:
- ฉาบในสภาพอากาศร้อนหรือแห้งเกินไป
- ผสมปูนผิดสัดส่วน น้ำมากเกินไป
- วิธีแก้:
- รดน้ำหรือพ่นละอองน้ำบาง ๆ ช่วยลดการแห้งตัวเร็ว
- ผสมปูนตามสัดส่วนที่แนะนำ
- ใช้น้ำยาประสานปูนเพิ่มความยืดหยุ่น เช่น LANKO 751 หรือ SikaLatex
ปัญหาผิวหลุดร่อนง่าย
- สาเหตุ:
- ผนังมีฝุ่น น้ำมัน หรือคราบไขมัน
- ไม่มีการรองพื้นหรือใช้ปูนเกรดต่ำ
- วิธีแก้:
- ใช้น้ำยารองพื้นปูนเก่าก่อนฉาบ
- ขัดผิวผนังด้วยแปรงลวดหรือกระดาษทรายก่อนฉาบ
- ใช้ LANKO Skimcoat ที่มีคุณสมบัติเกาะยึดดีเยี่ยมโดยเฉพาะ
ตัวช่วยที่ทำให้งานฉาบสกิมโค้ทของคุณง่ายขึ้น LANKO 110 Skimcoat

หากคุณกำลังมองหาปูนฉาบบางคุณภาพเยี่ยม ขอแนะนำ LANKO 110 Skimcoat ปูนฉาบบางผสมสำเร็จสำหรับฝ้าและผนังภายในและภายนอก สำหรับงานฝ้าและผนังทั้งภายในและภายนอก ใช้ฉาบปกปิดรูฟองอากาศ รอยแตกลายงา รอยตะเข็บ หรือความหยาบจากเม็ดทรายของผิวปูนฉาบ

คุณสมบัติเด่นของ LANKO 110 Skimcoat
- สูตรผสมสำเร็จ: ไม่ต้องผสมทรายหรือวัสดุอื่น ๆ เพิ่ม ประหยัดเวลาและลดความยุ่งยาก
- ฉาบง่าย ลื่นมือ: เนื้อปูนละเอียดพิเศษ ไม่จับเป็นก้อน ทำให้การทำงานง่ายขึ้น
- ยึดเกาะดีเยี่ยม: เหมาะกับพื้นผิวปูนทั่วไป ฝ้า ผนังปูน และผนังเบา ให้การยึดเกาะที่แข็งแรง
- มีเนื้อสีขาวพิเศษ: เหมาะกับงานตกแต่งหรือทาสีอ่อน ไม่ทำให้สีเพี้ยน
- คุ้มค่า: ปริมาณการใช้ประมาณ 1.3 กก. / ตร.ม. / ความหนา 1 มม. ช่วยให้ควบคุมต้นทุนได้ง่าย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม LANKO 110 Skimcoat คลิกที่นี่
💡 เคล็ดลับการดูแลผนังหลังฉาบสกิมโค้ท
เพื่อให้ผนังที่ฉาบสกิมโค้ทเรียบสวยและคงทนยาวนาน ควรปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้:
- ไม่ควรทาสีทันทีหลังฉาบ: ควรรอให้แห้งสนิท 3 – 7 วัน เพื่อให้ปูนบ่มตัวเต็มที่และป้องกันการเกิดปัญหา
- ใช้ไพรเมอร์ก่อนทาสี: เพื่อช่วยให้สีเกาะแน่นและลดการดูดซึมสีของพื้นผิว ทำให้ได้สีที่สม่ำเสมอและสวยงาม
- หลีกเลี่ยงความชื้น: โดยเฉพาะช่วง 7 วันแรกหลังฉาบ เพื่อให้ปูนแห้งและแข็งตัวอย่างสมบูรณ์
- ตรวจสอบพื้นผิวก่อนทาสี: หากพบรอยขรุขระเล็กน้อย ให้ขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ละเอียดอีกครั้ง เพื่อความเรียบเนียนสูงสุด
ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อปูนสกิมโค้ท
การเลือกปูนสกิมโค้ทที่เหมาะสมกับงานจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว พิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้:
- ลักษณะงาน: ใช้ภายในหรือภายนอก? (บางผลิตภัณฑ์ออกแบบมาเฉพาะงาน)
- ชนิดของผนัง: เป็นปูนฉาบเรียบ ผนังเบา หรือผนังเก่าที่ต้องซ่อม? (เลือกให้เหมาะสมกับการยึดเกาะ)
- ความเร็วในการทำงาน: ปูนสกิมโค้ทสูตรสำเร็จจะประหยัดเวลากว่า เพราะไม่ต้องผสมเอง
- ต้นทุนต่อ ตร.ม.: ต้องคำนวณจากปริมาณใช้จริง (การคลุมพื้นที่) ไม่ใช่แค่ราคาต่อถุง เพื่อให้เห็นต้นทุนรวมที่แท้จริง
- การยึดเกาะ: ตรวจสอบจากเอกสารข้อมูลทางเทคนิค (TDS) เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพการยึดเกาะที่แข็งแรง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปูนสกิมโค้ท
Q: ผนังที่เคยทาสีมาแล้ว ฉาบสกิมโค้ทได้หรือไม่?
A: ได้ แต่ต้องลอกสีเก่าออกให้หมดก่อน และลงน้ำยารองพื้นปูนเก่าช่วยเพิ่มการยึดเกาะ
Q: ปูน LANKO Skimcoat เหมาะกับงานภายนอกหรือไม่?
A: LANKO Skimcoat เหมาะกับทั้งภายในและภายนอก แต่ควรทาสีเคลือบทับเพื่อป้องกันแสงแดดและความชื้นในระยะยาว
Q: ถ้าไม่ฉาบสกิมโค้ท แล้วขัดผิวเฉย ๆ ได้ไหม?
A: ได้ในระดับหนึ่ง แต่จะไม่เรียบเนียนเท่าการฉาบสกิมโค้ท ผนังอาจดูไม่สวยงามเมื่อทาสี หรือเมื่อมองในระยะใกล้
สรุป : ปูนสกิมโค้ท Skimcoat คือ ตัวช่วยสำคัญของผนังเรียบสวย
การฉาบสกิมโค้ทถือเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับงานตกแต่งผนัง ช่วยให้พื้นผิวเรียบเนียน พร้อมสำหรับทาสีหรือแต่งผิวอื่น ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความสวยงามและคุณภาพระดับสูง
สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมพื้นผิวให้สะอาด แห้งสนิท ก่อนฉาบ และเลือกใช้เทคนิคฉาบที่ถูกต้อง หากทำตามขั้นตอนอย่างเหมาะสม ผนังที่ได้จะเรียบสวย แข็งแรง ไม่แตกร้าวหรือหลุดล่อนง่าย ทั้งยังช่วยลดภาระซ่อมแซมในระยะยาวได้ดี
การเลือกสกิมโค้ทควรคำนึงถึงประเภทของงาน สีของผนังที่ต้องการ รวมถึงต้นทุนต่อพื้นที่ โดย LANKO Skimcoat สามารถควบคุมต้นทุนได้ง่าย ฉาบได้ประมาณ 15 ตารางเมตรต่อถุง (ที่ความหนา 1 มม.) จึงประหยัดทั้งเวลาและค่าแรง
หากคุณกำลังมองหาปูนสกิมโค้ทคุณภาพดี LANKO Skimcoat คือคำตอบที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและงบประมาณ พร้อมรองรับทุกโครงการอย่างมั่นใจ!
📞 สนใจสั่งซื้อ หรือขอใบเสนอราคา LANKO Skimcoat
หากคุณต้องการ LANKO Skimcoat สำหรับบ้านหรือโครงการของคุณ ติดต่อทีมงานของเราได้เลย! ProSumer มีทีมขายคอยให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ
📌 ขอคำแนะนำหรือสั่งซื้อ สกิมโค้ท ติดต่อทีมขาย 👉 คลิกที่นี่เพื่อติดต่อทีมขาย 💬 ทักแชท คลิก > : http://m.me/prosumergroup.th
📦 ยอดสั่งซื้อครบ 3,000 บาท จัดส่งฟรี!! จัดส่งภายในวันถัดไป ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล