WFT และ DFT ระบบกันซึม คืออะไร? เข้าใจง่ายๆ อ่านเลย!

WFT และ DFT: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับระบบกันซึมที่มีประสิทธิภาพ

ในการก่อสร้างอาคารหรือการปรับปรุงบ้าน ระบบกันซึม ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของโครงสร้าง และป้องกันปัญหาน้ำรั่วซึมที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากมาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่า แม้จะเลือกใช้วัสดุกันซึมเกรดพรีเมียม หากการติดตั้งไม่ถูกต้อง ระบบก็ยังสามารถล้มเหลวได้ ดังนั้น วัสดุเช่น ซีเมนต์กันซึม

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ WFT (Wet Film Thickness) และ DFT (Dry Film Thickness) – สองปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ระบบกันซึมของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ทำไมระบบกันซึมถึงยังล้มเหลว แม้ใช้วัสดุคุณภาพ?

WFT และ DFT ระบบกันซึม ที่พัง จากการติดตั้งที่ผิดวิธี

ระบบกันซึม (Waterproofing System) คือส่วนสำคัญในการปกป้องโครงสร้างอาคารจากความชื้นและน้ำรั่วซึม แต่แม้ว่าคุณจะเลือกใช้วัสดุกันซึมราคาสูงหรือยี่ห้อดัง หากขั้นตอนการติดตั้งผิด ระบบกันซึมก็อาจล้มเหลวได้อยู่ดี

จากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้านงานกันซึม พบว่า กว่า 80% ของปัญหาการรั่วซึมไม่ได้เกิดจากตัววัสดุ แต่เกิดจาก “การติดตั้งที่ผิดวิธี” ไม่ใช่เพราะวัสดุไม่มีคุณภาพ ความผิดพลาดที่พบบ่อยคือการทาวัสดุกันซึมไม่ถึงความหนาที่กำหนด หรือไม่มีการวัดควบคุมความหนาทั้งขณะทาและหลังแห้ง ซึ่งส่งผลให้ระบบกันซึมทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ปัจจัยสำคัญที่ต้องควบคุมในการติดตั้งระบบกันซึมที่มีประสิทธิภาพ

  • การไหลของน้ำบนพื้นผิว
  • ขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้อง
  • เวลาของการบ่มที่เหมาะสม
  • เทคนิคการติดตั้งเฉพาะจุด

สาเหตุหลักของความล้มเหลวในการติดตั้งระบบกันซึม

  • ทาวัสดุกันซึมไม่ถึงความหนาที่กำหนด
  • ไม่มีการวัดควบคุมความหนาขณะทาและหลังแห้ง
  • ขาดความเข้าใจในเทคนิคการติดตั้งที่ถูกต้อง
  • เร่งงานมากเกินไป ละเลยขั้นตอนสำคัญ

ความเข้าใจผิดที่มักพบในระบบกันซึม

คิดว่าทาเยอะไว้ก่อน = ดีเสมอ ❌

ความหนาที่มากเกินไปในบางจุด อาจทำให้เกิดรอยร้าวหลังแห้ง หรือแห้งไม่สนิท เกิดปัญหาในระยะยาว

ทาเร็วๆ จบไวๆ ❌

เร่งงานมากเกินไป ทำให้ความหนาไม่สม่ำเสมอ และละเลยขั้นตอนสำคัญ

ทั้งหมดนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากเข้าใจสิ่งสำคัญที่สุด เช่น การควบคุมความหนาของวัสดุกันซึมให้ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสองคำนี้ : WFT และ DFT

WFT กับ DFT คืออะไร?

WFT และ DFT ระบบกันซึม ความหนาวัสดุกันซึมที่ตัวทำละลายระเหยออกไป

WFT (Wet Film Thickness) – ความหนาขณะเปียก

ความหนาขณะเปียก คือความหนาของวัสดุกันซึม ขณะที่ยังเปียกอยู่ หรือในระหว่างการทา

ทำไม WFT ถึงสำคัญ?

  • ช่วยควบคุมความสม่ำเสมอของการติดตั้ง
  • ป้องกันการทาบางเกินไปหรือหนาเกินไป
  • เป็นตัวบ่งชี้ว่าจะได้ DFT ตามเป้าหมายหรือไม่

ถ้า WFT ไม่ถึงมาตรฐานตั้งแต่แรก ระบบกันซึมอาจบางเกินไปหรือหนาเกินไป และการป้องกันน้ำรั่วซึมจะไม่ได้ตามมาตรฐานที่ควร การวัด WFT จึงมีความสำคัญมาก เพราะเป็นตัวควบคุมความสม่ำเสมอและความถูกต้องของการติดตั้ง หากวัด WFT ได้อย่างแม่นยำ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อเนื้อสารละลายระเหยออกไปแล้ว จะได้ DFT ตามที่ต้องการ

การวัดความหนาของวัสดุกันซึมขณะที่ยังเปียกอยู่

DFT (Dry Film Thickness) – ความหนาหลังแห้ง

DFT คือความหนาของวัสดุกันซึม หลังจากแห้งสนิท และตัวทำละลายระเหยออกไปแล้ว

ข้อสำคัญ:

  • DFT จะมีค่าน้อยกว่า WFT เสมอ
  • หาก WFT ถูกต้องตั้งแต่แรก จะได้ DFT ตามเป้าหมาย
  • DFT คือตัวกำหนดประสิทธิภาพการกันซึมจริง

โดยปกติ DFT จะมีค่าน้อยกว่า WFT เนื่องจากตัวทำละลายระเหยออกไป ถ้า WFT ถูกต้องตั้งแต่แรก DFT ก็จะได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ

ทำไมต้องควบคุมความหนาให้ได้ตามมาตรฐาน?

การควบคุมความหนาให้ได้ตามมาตรฐานเป็นสิ่งที่ช่างหรือผู้รับเหมามักมองข้าม แต่เป็นสิ่งที่มีผลโดยตรงต่อความสามารถในการป้องกันน้ำของระบบกันซึม

ความหนาไม่เพียงพอ = การป้องกันไม่เพียงพอ

เปรียบเสมือนการทาสีป้องกันสนิม หากทาบางเกินไป ชั้นฟิล์มจะไม่สามารถต้านทานน้ำหรือออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับระบบกันซึม หากชั้นกันซึมบางไป น้ำจะสามารถแทรกซึมเข้าได้ตามรอยร้าวเล็กๆ ที่เราอาจมองไม่เห็น

ผลกระทบจากความหนาไม่เพียงพอ:

  • น้ำซึมผ่านจุดที่ทาบางได้
  • ระบบกันซึมมีอายุการใช้งานสั้น
  • ต้องซ่อมแซมบ่อยครั้ง
  • สูญเสียเงินและเวลา
น้ำรั่วซึมจุดเดิม แม้ติดตั้งระบบกันซึมแล้ว

วิธีการควบคุม WFT และ DFT

การติดตั้งระบบกันซึม

ขั้นตอนสำคัญ เพื่อควบคุม WFT และ DFT

  1. ศึกษาคู่มือผลิตภัณฑ์ (TDS – Technical Data Sheet) อย่างละเอียด
  2. ใช้เครื่องมือวัดความหนา อย่างถูกต้องและแม่นยำ
  3. ทาให้สม่ำเสมอ ไม่ซ้ำซ้อนจุดเดิมมากเกินไป
  4. เลือกอุปกรณ์ทา ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์และพื้นผิว
  5. ตรวจสอบคุณภาพ ระหว่างขั้นตอนการทำงาน
  6. เว้นระยะเวลาบ่ม ให้วัสดุแต่ละชั้นแห้งสนิทก่อนทาชั้นถัดไป

ความผิดพลาดที่พบบ่อย

ทาบางเกินไปโดยไม่รู้ตัว

  • เข้าใจผิดว่าทาบาง = ประหยัด
  • ใช้วัสดุไม่เพียงพอ

ละเลยการวัดความหนา

  • ทาแบบประมาณ ไม่มีเครื่องมือวัด
  • ไม่ได้ความหนาตามที่ต้องการ

ทาซ้ำบางจุดมากเกินไป

  • ทำให้วัสดุแห้งไม่เท่ากัน
  • อาจเกิดรอยร้าวตามมา

ขาดการควบคุมคุณภาพ (QC)

  • ไม่มีการตรวจสอบหน้างาน
  • พบปัญหาหลังส่งมอบงานแล้ว

วิธีหลีกเลี่ยง

  • วางแผนงานและศึกษาข้อมูลก่อนเริ่มงาน
  • จัดเตรียมเครื่องมือวัดที่เหมาะสม
  • ทำงานอย่างเป็นระบบ มีการตรวจสอบทุกขั้นตอน
  • หาความรู้เพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ

ต้องการระบบกันซึมที่ควบคุม WFT/DFT ได้ง่าย?

ลองเลือกใช้ Sikalastic®-632 R, Sikalastic®-501 Roofseal Plus หรือ LANKO 451 Roofseal ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มาพร้อม คู่มือการใช้งานที่ แนะนำความหนาหลังวัสดุแห้ง (DFT) ชัดเจน ช่วยให้คุณติดตั้งระบบกันซึมได้ถูกต้องแม่นยำ และมั่นใจได้ในประสิทธิภาพระยะยาว สำหรับงานกันซึม ซีเมนต์กันซึม

ผลิตภัณฑ์แนะนำ กันซึมดาดฟ้า-หลังคา

วัสดุกันซึมที่แนะนำความหนาหลังวัสดุแห้ง (DFT)
วัสดุกันซึมโครงสร้างระบบใช้วัสดุในอัตราส่วนความหนาของวัสดุเมื่อแห้ง (DFT)
Sikalastic®-632 Rระบบกันซึม MTC-10 UV APชั้นที่ 1
≥ 1.40 kg/m2

ชั้นที่ 2
≥ 1.05 kg/m2
~1.6 mm.
Sikalastic®-501 Roofseal Plusระบบกันซึมหลังคาทั่วไป≥ 1.4 – 2.1 kg/m2≥ 0.5 – 0.8 mm.
LANKO 451 Roofsealระบบกันซึมหลังคาทั่วไป≥ 1.4 – 2.1 kg/m2≥ 0.4 – 0.7 mm.

ข้อดีของผลิตภัณฑ์ วัสดุกันซึม เหล่านี้

  • มีคู่มือการใช้งานที่ระบุ DFT ชัดเจน
  • เหมาะสำหรับงานกันซึมหลังคา ดาดฟ้า และพื้นผิวภายนอก
  • ซีเมนต์กันซึม ควบคุมความหนาได้แม่นยำ
  • ประสิทธิภาพของระบบกันซึมในระยะยาว

💡 คำแนะนำสำหรับมืออาชีพ

“ทำให้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก ดีกว่าซ่อมภายหลัง”

การเข้าใจและควบคุม WFT/DFT ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคเล็กๆ แต่คือ มาตรฐานของมืออาชีพ ยิ่งในงานโครงการใหญ่ ความผิดพลาดเล็กน้อยก็อาจสร้างความเสียหายหลักล้านได้

ผลลัพธ์ของการควบคุมความหนาอย่างแม่นยำ

  • ป้องกันน้ำรั่วซึมได้จริง
  • เพิ่มอายุการใช้งานของระบบกันซึม ไม่ต้องกังวลเรื่องการรั่วซึม
  • ลดการซ่อมบำรุงในระยะยาว ไม่ต้องจ่ายเงินซ่อมแซมซ้ำซ้อน
  • เพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการ ไม่ต้องเสียใจที่ตัดสินใจผิด

Q : เมื่อฝนตก คุณควรรู้สึกอย่างไร?

A :  “นั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวบ้านรั่ว”

ทั้งหมดนี้ คือผลลัพธ์ของ

  • การเลือกวัสดุที่ถูกต้อง
  • การวัด WFT อย่างแม่นยำ
  • การรอให้แห้งจนได้ DFT ที่เหมาะสม
  • การใส่ใจในทุกขั้นตอนของการติดตั้ง

หากคุณเป็นเจ้าของบ้าน วิศวกร หรือช่างติดตั้งที่ต้องการระบบกันซึมที่ได้ประสิทธิภาพ อย่าลืมว่า

ไม่ใช่แค่ทาให้เสร็จ แต่ต้องทาให้ได้ความหนาที่ถูกต้อง” ดังนั้นระบบกันซึมที่ดี จึงต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจใน WFT และ DFT นั่นเอง


สรุป : WFT และ DFT ไม่ใช่เรื่องไกลตัว

WFT และ DFT คือสิ่งที่ควรถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานการทำงานในระบบกันซึม เพราะการควบคุมความหนาอย่างแม่นยำ เป็นตัวแปรสำคัญที่ตัดสินว่า “ระบบจะกันซึมได้จริงหรือไม่”

แม้ว่าคำว่า WFT และ DFT อาจฟังดูเป็นศัพท์เทคนิค แต่แท้จริงแล้ว ทั้งสองคำนี้คือ “กุญแจสำคัญ” ของระบบกันซึมที่ดี หากควบคุมความหนาได้ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าระบบจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

🔑 จุดสำคัญที่ต้องจำ

  1. WFT = ความหนาขณะเปียก (ควบคุมระหว่างทา)
  2. DFT = ความหนาหลังแห้ง (ผลลัพธ์สุดท้าย)
  3. การวัดแม่นยำ = ระบบกันซึมที่มีประสิทธิภาพ
  4. ไม่ใช่แค่ทาให้เสร็จ แต่ต้องทาให้ได้ความหนาที่ถูกต้อง

ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม

หากคุณเป็น ผู้รับเหมา วิศวกร หรือเจ้าของบ้าน ที่กำลังเลือกใช้ระบบกันซึม และต้องการทราบว่า:

  • ควรใช้ผลิตภัณฑ์รุ่นไหน
  • ควบคุมความหนาอย่างไร
  • เลือก Sika หรือ LANKO ตัวไหนให้เหมาะกับงาน

📲 ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้ทันที

เรายินดีให้คำปรึกษา พร้อมแนะนำการใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างถูกวิธี

ติดต่อ-สอบถามข้อมูลกับทีม prosumersupply

บทความเพิ่มเติม