เมื่อไหร่ที่ “ซีลแลนท์” คือคำตอบของหน้างานคุณ?
การปกป้องกันความเสียหายภายในบ้านที่เกิดจากน้ำเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ และการเลือกซีลแลนท์ (Sealant) ที่เหมาะสมจึงมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ซีลแลนท์ควรใช้เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการปกป้องพื้นผิวจากความเสียหายที่เกิดจากน้ำและความชื้น ดังเช่นสถานการณ์ทั่วไปเหล่านี้:
- อุดรอยแตกและช่องว่างภายนอก: ใช้ซีลแลนท์เติมเต็มรอยแตกและช่องว่างบนผนังภายนอก เพื่อป้องกันน้ำซึมเข้าไปในโครงสร้าง
- ห้องน้ำและห้องครัว: อุดรอยต่อและตะเข็บรอบๆ อ่างล้างหน้า, อ่างอาบน้ำ, และเคาน์เตอร์ เพื่อป้องกันน้ำรั่วเข้าไปในผนัง ซึ่งอาจนำไปสู่เชื้อรา

การยิงซีลแลนท์บริเวณขอบอ่างในห้องน้ำ เพื่อป้องกันการรั่วซึมและเชื้อรา
- ชั้นใต้ดิน: อุดรอยต่อต่าง ๆ บริเวณผนังและพื้นใต้ดินก่อนติดตั้งระบบกันซึม เพื่อป้องกันปัญหาความชื้นแฉะและเชื้อรา
- กรอบหน้าต่างและประตู: อุดรอบกรอบหน้าต่างและประตูเพื่อป้องกันลมรั่ว, น้ำเข้า, และการสูญเสียพลังงาน

การใช้ซีลแลนท์ในบริเวณขอบหน้าต่าง
ซีลแลนท์มีกี่ประเภท และต่างกันอย่างไร? (ซิลิโคน vs PU vs อะคริลิก)
การทำความเข้าใจประเภทของซีลแลนท์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้สามารถเลือกใช้วัสดุได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับลักษณะงาน โดยทั่วไป “ซีลแลนท์” ที่พบในท้องตลาดแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก:

เปรียบเทียบซีลแลนท์ 3 ประเภท – ซิลิโคน โพลียูรีเทน และอะคริลิก
ซีลแลนท์ซิลิโคน (Silicone Sealant)
ซีลแลนท์ซิลิโคนขึ้นชื่อเรื่อง ความยืดหยุ่นสูงและความทนทานโดดเด่น เหมาะสำหรับการอุดรอยต่อหรือช่องว่างในพื้นที่ที่มีความชื้น เช่น ห้องน้ำและห้องครัว นอกจากนี้ยัง ทนต่อแสงยูวีและอุณหภูมิสุดขั้วได้ดีเยี่ยม จึงเป็นวัสดุยอดนิยมในงานก่อสร้างทั่วไป
ข้อควรระวัง: ซีลแลนท์ซิลิโคนส่วนใหญ่ไม่สามารถทาสีทับได้ และอาจมีหลายสูตรที่แตกต่างกันไปในแต่ละยี่ห้อ ดังนั้นก่อนใช้งานควรตรวจสอบฉลากสินค้าให้ละเอียด
ซีลแลนท์โพลียูรีเทน (Polyurethane Sealant – PU)
ซีลแลนท์โพลียูรีเทน (PU) มีจุดเด่นด้าน การยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม กับวัสดุหลายประเภท เช่น ไม้, คอนกรีต, และโลหะ อีกทั้งยังมี ความแข็งแรงในการดึงสูง จึงเหมาะสำหรับบริเวณที่มีการสั่นสะเทือนหรือการใช้งานหนัก นอกจากนี้ยัง ทนต่อการขัดสี สารเคมี และสภาพอากาศได้ดี
ข้อได้เปรียบ: ซีลแลนท์ PU หลายสูตร สามารถทาสีทับได้ (Paintable) และสามารถใช้ในงานภายนอกที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ
ซีลแลนท์อะคริลิก (Acrylic Sealant)
ซีลแลนท์อะคริลิกเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมเพราะ แห้งเร็ว ใช้งานง่าย และทำความสะอาดสะดวก โดยส่วนใหญ่เหมาะกับพื้นที่ภายในอาคารที่ไม่โดนแสงแดดและไม่เปียกชื้น เช่น งานอุดรอยร้าวเล็ก ๆ ที่ผนังก่อนทำสี
ข้อจำกัด: ซีลแลนท์อะคริลิกอาจ ต้องทาซ้ำบ่อยกว่า ซีลแลนท์ประเภทซิลิโคนหรือโพลียูรีเทน เพื่อคงประสิทธิภาพการป้องกันรอยรั่วและการซึมของน้ำในระยะยาว
ก่อนเลือกซีลแลนท์…อย่าพลาดเช็กลิสต์ปัจจัยสำคัญเหล่านี้!
ก่อนเลือกซีลแลนท์สำหรับโครงการของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด:
- ประเภทของพื้นผิว: ต้องเลือกซีลแลนท์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับยึดเกาะวัสดุนั้น ๆ โดยเฉพาะ (เช่น ซีลแลนท์ซิลิโคนบางชนิดมีกรดและไม่เหมาะกับโลหะหรือหินอ่อน)
- ความต้องการความยืดหยุ่น (Movement Capability): ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซีลแลนท์สามารถเคลื่อนไหวตามพื้นผิวได้ (เช่น ความสามารถในการเคลื่อนที่ ±35% สำหรับงานโครงสร้าง) คุณต้องใช้ซีลแลนท์ที่ยืดหยุ่นเพื่อป้องกันรอยแตกหรือหลุดลอกเมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานาน
- ความต้านทานสภาพอากาศ: หากต้องการซีลแลนท์สำหรับการใช้งานภายนอก (โดนแดด โดนฝน) ควรเลือกประเภท ซิลิโคน หรือ โพลียูรีเทน ที่ทนแสงแดด ทนฝน และทนการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดี
เทคนิคการใช้ซีลแลนท์ให้แน่น ทนนาน และหลีกเลี่ยง 4 ข้อผิดพลาดหลัก

รอยต่อคอนกรีตที่อุดด้วยซีลแลนท์คุณภาพสูงอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการรั่วซึมและเพิ่มความสวยงามให้พื้นผิว
เคล็ดลับการติดตั้งอย่างมืออาชีพ
- การเตรียมพื้นผิว: เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดพื้นผิวให้สะอาดอย่างละเอียด เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ไขมัน และเศษต่าง ๆ พื้นผิวต้องแห้งสนิทก่อนยิงซีลแลนท์
- อุปกรณ์ที่จำเป็น: เตรียมปืนยิงซิลิโคน, มีดหรือกรรไกรสำหรับตัดซีลแลนท์แบบฟอยล์, ถุงมือและแว่นตานิรภัย
ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นบ่อย
- ไม่ทำความสะอาดพื้นผิวให้ดีพอ: ส่งผลให้ซีลแลนท์ไม่ยึดเกาะและหลุดลอกก่อนกำหนด
- เลือกวัสดุผิดประเภท: เช่น ใช้ซิลิโคนกรดกับหินอ่อนหรือโลหะ ทำให้เกิดการกัดกร่อนหรือคราบ
- ทำงานในอุณหภูมิสุดขั้วหรือชื้นเกินไป: ส่งผลต่อกระบวนการแข็งตัวของซีลแลนท์
- ยิงซีลแลนท์ไม่เต็มรอย: ทำให้เกิดช่องโหว่และน้ำรั่วซึมได้
แนะนำผลิตภัณฑ์ซีลแลนท์คุณภาพจาก Sika และ LANKO
หากคุณกำลังมองหาซีลแลนท์ที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ แบรนด์ชั้นนำอย่าง Sika และ LANKO คือคำตอบที่มืออาชีพไว้วางใจ
วัสดุอุดรอยต่อประเภทโพลียูรีเทน

กาวยาแนวรอยต่อส่วนประกอบเดียวชนิดยืดหยุ่น
Sikaflex®-740 Construction
กาวยาแนวรอยต่อ สำหรับรอยต่อที่ต้องฉาบตกแต่งและทาสี
- ไม่ทำให้เกิดคราบบนปูนฉาบและสีทา
- ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ดีมาก
- ความสามารถในการเคลื่อนที่ ± 35

วัสดุอุดรอยต่อประเภทโพลียูรีเทน ส่วนประกอบเดียวพร้อมใช้
LANKO® 603 Polyurethane
วัสดุอุดรอยต่อประเภทโพลียูรีเทน
- ใช้งานง่าย
- ไม่ไหลย้อย
- เมื่อแห้งตัวแล้วไม่มีฟองอากาศ
วัสดุอุดรอยต่อประเภทซิลิโคน

กาวยาแนวรอยต่อ ประเภทซิลิโคน สำหรับงานยาแนวรอยต่อสุขภัณฑ์และห้องครัว
Sikasil®-129 Kitchen & Bathroom
กาวยาแนวอเนกประสงค์ ประเภทซิลิโคน สำหรับห้องน้ำและห้องครัว
- ป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา
- ยึดเกาะได้ดีกับวัสดุหลายประเภท
- ความยืดหยุ่นสูง
วัสดุอุดรอยต่อประเภทอะคริลิค

วัสดุอุดรอยต่อประเภทอะคริลิก ชนิดส่วนผสมเดียว
LANKO® 612 Acrylic
วัสดุอุดรอยต่อประเภทอะคริลิก
- สำหรับขนาดรอยต่อ 4 – 12 มม.
- ไม่ต้องใช้น้ำยารองพื้น
- ใช้สำหรับงานภายใน
สรุป: การเลือกซีลแลนท์ที่เหมาะสม คือการลงทุนเพื่อความทนทาน
การเลือกซีลแลนท์ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันน้ำรั่วซึม แต่ยังเป็นการยืดอายุการใช้งานของพื้นผิวและโครงสร้างบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจความแตกต่างระหว่าง ซิลิโคน, โพลียูรีเทน และ อะคริลิก รวมถึงการพิจารณาปัจจัยสำคัญอย่างพื้นผิว ความยืดหยุ่น และสภาพอากาศ
หากคุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปและเลือกใช้ซีลแลนท์คุณภาพจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้อย่าง Sika และ LANKO ก็จะช่วยให้งานอุดรอยต่อหรือกันน้ำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มั่นใจและยาวนาน
👉 หากคุณกำลังมองหาซีลแลนท์ที่ตอบโจทย์ทั้งงานบ้านและงานโครงการ หรือต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อเราได้ที่ prosumersupply.co.th/ติดต่อเรา เพื่อให้มืออาชีพช่วยเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคุณที่สุด!